นาย A เป็นช่างภาพอิสระที่รับงานฟรีแลนซ์ถ่ายรูปทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นงานรับปริญญา พรีเวดดิ้ง งานวิ่ง งานบุญ หรือแล้วแต่จะจ้างก็ได้

มาวันนี้เขาได้รับงานให้ไปถ่ายรูปพรีเวดดิ้งที่ต่างจังหวัด โดยผู้ว่าจ้างได้ส่งข้อความมาถามรายละเอียดต่างๆ และบอกถึงสถานที่ถ่ายรูป เมื่อนาย A ตกลง ผู้ว่าจ้างก็โอนเงินมัดจำค่าจ้างให้ก่อนครึ่งหนึ่ง พร้อมทั้งค่าเดินทางแยกต่างหากให้นาย A เป็นจำนวนหนึ่งอีกด้วย

ซึ่งการทำแบบนี้เป็นเรื่องปกติในการทำงานของเขา แต่ที่ไม่ปกติก็คือ ส่วนใหญ่ผู้ว่าจ้างจะถามรายละเอียดจุกจิกเยอะ ต้องการธีมแบบนี้ ภาพแบบนี้นะ ทำได้ไหม ฯลฯ และบางคนก็จะต่อรองราคามากมาย แต่ผู้ว่าจ้างคนนี้คุยง่าย โอเคทุกอย่าง และโอนเงินให้เร็วอีกด้วย

แต่เขาก็คิดว่าเขาคงเจอลูกค้าดีๆและต้องการแค่ให้เขาถ่ายรูป โดยที่ผู้ว่าจ้างได้จัดเตรียมสถานที่เอาไว้แล้ว มีแบบอยู่ในหัวแล้ว และเขาก็ได้ราคาที่เขาต้องการ ก็เลยตกลงง่ายหล่ะมั้ง

เมื่อใกล้ๆถึงวันที่ต้องไปถ่ายรูป ผู้ว่าจ้างได้ข้อความมาถามนาย A ว่าสามารถถ่ายรูปได้ถึงช่วงหัวค่ำได้หรือไม่ ซึ่งนาย A ปกติก็รับงานถ่ายทั้งวันและโดนลูกค้าลากยาวไปจนดึกเป็นประจำจนชินอยู่แล้ว เลยตอบข้อความไปว่า “ได้ครับ ไม่มีปัญหาครับ” เพราะยังไงเขาก็กะจะค้างคืนที่จังหวัดนั้นเพื่อแวะเที่ยวซื้อของฝากซักหน่อยก่อนกลับอยู่แล้วด้วย

เป็นเรื่องปกติของนาย A เวลาที่รับงานถ่ายรูปต่างจังหวัด เพราะถือว่าได้พักผ่อนและเที่ยวไปในตัวด้วย ซึ่งทำให้บางครั้งเขาก็สามารถถ่ายรูปวิวดีๆได้และเอาไปแสดงเป็นผลงานหรือขายต่อได้อีกด้วย

ก่อนวันงานเขาก็เตรียมตัวจัดข้าวของใส่กระเป๋าให้พร้อม และเตรียมของขึ้นรถที่จะขับไปในตอนกลางคืนเพื่อให้ถึงสถานที่ถ่ายรูปในตอนเช้า เพื่อไปเตรียมติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆให้เรียบร้อยก่อนที่จะเริ่มถ่ายรูปกัน เมื่อเตรียมของเสร็จแล้วเขาก็ได้ไปนอนพักเอาแรงก่อนที่จะขับรถไปทำงานในวันรุ่งขึ้น

หลังจากที่นอนเต็มอิ่ม นาย A ก็ได้ขับรถไปถึงยังสถานที่นัดหมายตอนสายๆ ซึ่งจุดนัดหมายเป็นบ้านเดี่ยวโทรมๆเหมือนจะร้างหลังหนึ่ง ที่ไม่มีใครอาศัยอยู่แม้กระทั่งบริเวณใกล้เคียง เขาก็เช็คกับข้อความที่อยู่ที่นายจ้างส่งมา ก็ยืนยันว่าเป็นสถานที่นี้จริงๆ เขาก็เลยคิดว่าอาจจะเป็นธีมของงานในวันนี้ ก็เลยไม่ได้เอ๊ะใจอะไร จึงรีบติดตั้งอุปกรณ์สำหรับถ่ายรูปเอาไว้ให้เสร็จก่อนผู้ว่าจ้างจะมาถึง

เมื่อเขาติดตั้งเสร็จเรียบร้อยแล้วก็พบว่ามีเวลาเหลืออีกสองชั่วโมงก่อนจะถึงเวลานัดหมาย นาย A จึงเดินไปสำรวจรอบๆบริเวณนี้เผื่อจะได้ใช้เป็นฉากในการถ่ายรูป เมื่อเขาเดินไปรอบๆก็พบว่ามีแต่ต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ใกล้ๆบ้านร้างหลังนี้ ที่น่าจะพอใช้สำหรับถ่ายรูปได้ แต่ในขณะที่เขากำลังจะเดินไปดูใกล้ๆ ก็มีข้อความจากผู้ว่าจ้างบอกว่าเขาจะมาถึงช้าซักชั่วโมง นาย A เลยถามกลับไปว่าเขาสามารถสำรวจบ้านร้างได้หรือไม่ เหตุผลก็เพื่อจะใช้เป็นฉากในการถ่ายรูป ผู้ว่าจ้างได้ตอบข้อความกลับมาว่า ได้เลย ยังไงก็จะเข้าไปถ่ายด้านในบ้านอยู่แล้ว

นาย A จึงเดินไปยังบ้านร้างเพื่อสำรวจมุมในการถ่ายรูป ระหว่างที่หันหลังจากต้นไม้ใหญ่ที่จะเดินไปดูก่อนหน้า ก็มีลมเย็นพัดจนทำให้นาย A ขนลุกซู่ ทำให้เขาหันไปมองที่ต้นไม้ใหญ่ต้นนั้นอีกครั้ง เขาเห็นเงาดำแวบๆอยู่ที่กิ่งไม้ แต่พอตั้งใจดูก็ไม่เห็นมีอะไร ทำให้เขาคิดว่าคงตาฝาด จากมองแดดตอนสำรวจสถานที่มากเกินไปอาจทำให้หน้ามืดเป็นบางครั้ง ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่เจอเป็นประจำ เขาก็เลยไม่ได้สนใจอะไร

เขาจึงเดินไปที่บ้านร้างและค่อยๆเปิดประตูออก เพราะเขากลัวมันพังเนื่องจากมันค่อนข้างโทรมมาก พอเปิดประตูได้นิดนึง ก็เหมือนมีลมจากในตัวบ้านพัดออกมา ซึ่งมีทั้งฝุ่นและกลิ่นไม้เก่าๆลอยออกมา พอเห็นว่าประตูไม่พังเขาก็เลยเปิดประตูเข้าไปในตัวบ้าน

ภายในตัวบ้านเป็นบ้านไม้เก่าๆ มีข้าวของที่พังแล้วกระจัดกระจายไปทั่ว นาย A ก็ค่อยๆเดินหาที่ทางสำหรับมุมถ่ายรูป จนมาถึงห้องโถงที่มีบันไดเดินขึ้นชั้น 2 ซึ่งมันกว้างพอที่จะเป็นจุดในการถ่ายรูปในบ้านหลังนี้

นาย A จึงติดตั้งอุปกรณ์ประกอบการถ่ายรูปไว้ที่ตรงนี้ เมื่อเสร็จแล้วเขาจึงข้อความไปหาผู้ว่าจ้าง ว่าเขาได้จุดถ่ายรูปในบ้านแล้ว ซึ่งผู้ว่าจ้างก็ได้ตอบกลับมาว่า เขามาถึงแล้วเช่นกัน นาย A จึงเดินออกจากบ้านไปเพื่อไปหาผู้ว่าจ้าง

เมื่อเดินออกมาจากบ้าน เขาเห็นผู้ชายคนหนึ่งใส่ชุดขาวนั่งทำอะไรซักอย่างอยู่ที่บริเวณต้นไม้ใหญ่ นาย A จึงเดินเข้าไปดู เมื่อเดินเข้ามาใกล้ๆถึง เห็นเป็นชายชุดขาวแขนยาวมีรอยสักโผล่ออกมาที่คอและแขน เมื่อชายคนนั้นก็หันมา บอกว่าเขาเป็นผู้ว่าจ้างถ่ายรูปเอง นาย A จึงถามว่าเขาทำอะไรอยู่ เขาจึงตอบว่า สวดไหว้เจ้าที่เจ้าทางเฉยๆ พร้อมกับบอกว่าไปถ่ายรูปกันเถอะ จะเย็นแล้วเดี๋ยวแสงหมด ถ่ายได้ไม่สวย

นาย A จึงถามถึงเจ้าสาวที่จะมาถ่ายรูปพรีเวดดิ้งคู่กับเขา เขาตอบกลับมาว่า เธอน่าจะอยู่ที่ในบ้านหลังนั้นแล้ว นาย A ก็ได้แต่สงสัยว่ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาเดินออกมาไม่เห็นจะเจอใครเดินสวนเข้าไปที่บ้าน จะตามมาทีหลังก็ไม่น่าใช่ เพราะรถก็มีแต่รถเขากับของผู้ว่าจ้างอีกคันเท่านั้น ผู้ว่าจ้างจึงเอ่ยปากชวนนาย A เดินไปที่บ้านหลังนั้นด้วยกัน

พอเดินมาถึงประตูหน้าบ้าน นาย A รู้สึกว่าบรรยากาศของบ้านมันเปลี่ยนไป ไม่เหมือนกับตอนที่เขาเข้าไปครั้งแรกที่รู้สึกแค่ว่าเป็นบ้านไม้เก่าๆ ตอนนี้กลับรู้สึกว่าบ้านหลังนี้ต้องมีอะไรบางอย่างแน่ๆ แต่เขาเดินมากับผู้ว่าจ้างจึงทำให้เขาลดความหวาดกลัวลงไปได้ แต่พอหันไปดูผู้ว่าจ้างกลับยืนอยู่หน้าประตูบ้าน พร้อมทั้งพนมมือ สวดอะไรซักอย่างอยู่ ซึ่งเขาอาจจะกำลังขอขมาเจ้าที่อยู่ก็ได้หล่ะมั้ง

เมื่อผู้ว่าจ้างสวดเสร็จจึงหันมาถามนาย A ว่าจะถ่ายรูปตรงไหนของบ้าน นาย A เลยตอบไปว่าบริเวณห้องโถง เขาก็หันกลับไปสวดต่ออีกนิดหน่อย แล้วชวนนาย A เข้าไปในบ้านกัน ตอนนี้นาย A เริ่มไม่อยากจะถ่ายรูปแล้ว เขาทั้งระแวงทั้งกลัวกับสิ่งที่เขาเจอ เพราะไม่รู้ว่างานนี้มีอะไรแอบแฝงหรือเปล่า

พอเปิดประตูบ้านรอบนี้ ลมฝุ่นกลิ่นไม้เก่าๆที่เคยพัดออกมาในตอนแรกกลายเป็นลมหนาวกลิ่นเหม็นเน่าแทน ทำให้นาย A กลัวที่จะเดินเข้าไปในบ้าน ยืนขาสั่นอยู่ที่ประตู แต่ผู้ว่าจ้างได้พูดว่าให้เข้าไปด้านในพร้อมกับเดินกอดคอพาเขาเข้าไปด้านในจนถึงบริเวณห้องโถง

ปรากฏร่างของผู้หญิงคนหนึ่งใส่ชุดเจ้าสาวยืนหันหลังอยู่ท่ามกลางบรรยากาศอันหนักอึ้ง ผู้ว่าจ้างเดินเข้าไปหาหญิงสาวคนนั้นพร้อมบอกกับนาย A ว่าให้ถ่ายรูปได้เลย เมื่อหญิงสาวคนนั้นหันมาปรากฏว่าหน้าของเธอนั้นขาวซีด รอบๆตัวเธอเหมือนจะมีหมอกดำจางๆอยู่รอบๆตัว ดูไม่เหมือนกับคนปกติทั่วไป ระหว่างที่นาย A ยืนอึ้งอยู่นั้น ผู้ว่าจ้างก็ได้บอกให้เขารีบๆถ่ายรูปก่อนที่จะสายเกินไป ยิ่งทำให้นาย A งงหนักขึ้นไปกว่าเดิม แต่ก็พยายามรีบๆถ่ายรูป งานจะได้เสร็จๆไป

ระหว่างที่ถ่ายรูปไปก็เสียวสันหลังไปตลอด ตัวเขาเองยอมรับเลยว่าไม่ได้ตั้งใจถ่ายรูปแม้แต่น้อย ทำแค่ถ่ายส่งๆให้งานเสร็จไวๆเท่านั้น เมื่อถ่ายมาได้ซักพัก ผู้ว่าจ้างก็บอกว่าเย็นแล้ว ให้ไปถ่ายกันที่ต้นไม้ใหญ่กัน ตัวเขาและเจ้าสาวก็เดินนำนาย A ไปที่ต้นไม้ใหญ่

ในขณะที่เดินตามไปนั้นเขาก็กลัวจนตัวสั่น ยิ่งเข้าใกล้เจ้าสาวเท่าไหร่ยิ่งขนลุก ต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลกับเจ้าสาวคนนี้แน่ๆ เขาได้แต่คิดในใจ จนเดินมาถึงต้นไม้ใหญ่ บรรยากาศในตอนเย็นยิ่งชวนวังเวง เพราะรอบๆนี้ไม่มีใครอยู่เลย ผู้ว่าจ้างบอกกับนาย A ว่าถ่ายตรงนี้เสร็จก็จบแล้ว เขาจึงสลัดความกลัวออกไปและรีบๆถ่ายให้เสร็จงานไวๆ

เมื่อเจ้าสาวยืนถ่ายอยู่ที่ต้นไม้ใหญ่ ยิ่งมืด เธอก็ยิ่งดูน่ากลัวมากขึ้น กลุ่มหมอกดำๆรอบๆตัวเธอก็มากขึ้นเรื่อยๆ ปานจะกลืนกินร่างเธอไปอย่างช้าๆ จนนาย A สังเกตเห็นว่าขาของเจ้าสาวนั้นค่อยๆจางหายไป แต่ผู้ว่าจ้างก็กำชับให้เขาถ่ายรูปให้เสร็จไวๆ

เมื่อนาย A ถ่ายรูปจนเสร็จ ปรากฏว่าเจ้าสาวได้หายตัวไปแล้วหลังจากเขาเพียงแค่กระพริบตา ผู้ว่าจ้างก็บอกกับเขาว่าเธอไปแล้วหล่ะ และก็ให้เงินนาย A ในส่วนที่เหลือ พร้อมกับบอกว่าให้ส่งรูปให้เขาทั้งหมดเลย ไม่ต้องแต่งอะไรทั้งนั้น พร้อมกับเดินไปที่รถและจากไป

เมื่อนาย A กลับมาถึงก็ได้เช็ครูปที่ถ่ายก็เห็นว่าเจ้าสาวในรูปนั้นเป็นเหมือนแค่เงาสีดำจางๆเท่านั้น ซึ่งเป็นแทบทุกรูป ยิ่งตอนถ่ายที่ต้นไม้ใหญ่ตัวตนของเธอก็จางลงไปแต่เงาสีดำก็ชัดขึ้นเรื่อยๆเหมือนกับที่เขาเห็นเลย เขาก็เลยส่งรูปไปให้ผู้ว่าจ้างทั้งแบบนั้นตามที่เขาขอมา

นาย A ที่สงสัยก็เลยไปค้นข้อมูลก็พบข่าวผู้หญิงที่กินยาตรอมใจตายที่บ้านหลังนั้นเพราะที่บ้านไม่ต้องการให้เธอแต่งงานกับผู้ชาย คนในบ้านไม่ต้องการให้เรื่องแดงเลยนำศพเธอไปฝังไว้ทีต้นไม้ใหญ่นั้นจนมีข่าวว่ามีผีผู้หญิงตามหลอกคนแถวนั้นไปทั่วจนอยู่ไม่ได้ เลยย้ายออกไปกันหมด แม้ว่าตอนนี้ศพเธอถูกพบและทำพิธีไปแล้วก็ตาม แต่ดูเหมือนเธอยังมีห่วงอยู่ และนาย A ก็คิดว่าผู้ว่าจ้างของเขาก็คือผู้ชายที่เธอต้องการแต่งงานด้วยแน่ๆ เขาอาจจะไปทำพิธีอะไรซักอย่างเรียกเธอออกมาทำเหมือนว่าได้แต่งงานกันแล้วให้เธอหมดห่วงและจากโลกไปผุดไปเกิดซักที

Edenra

แหล่งรวมสาระความบันเทิงรูปแบบใหม่

สำหรับสมาชิกเท่านั้น

เมนู